โซล่าเซลล์สำหรับอาคารบ้านพักอาศัย
“เปลี่ยนหลังคาบ้านให้เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อลดการซื้อไฟฟ้า”
การติดตั้งโซลารูฟท็อป (Solar Rooftop)
สามารถช่วยลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าของคุณเอง นี่คือวิธีที่โซลารูฟท็อปช่วยในการลดค่าไฟ
การผลิตไฟฟ้าเอง: โซลารูฟท็อปใช้แผงโซลาร์เพื่อแปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า คุณสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเองเพื่อใช้ในการบริโภคที่บ้านหรือสถานที่ทำงานของคุณ นี้จะลดค่าไฟที่คุณต้องซื้อจากบริษัทไฟฟ้า.
การปล่อยไฟฟ้าที่เก surplus ลงกระแสไฟฟ้าสาธารณะ: ถ้าระบบโซลารูฟท็อปสร้างไฟฟ้ามากเกินไปเมื่อคุณไม่ใช้งานหรือมีความต้องการไฟฟ้าน้อยกว่าที่ระบบผลิต คุณอาจสามารถปล่อยไฟฟ้าเหลือให้กับระบบไฟฟ้าสาธารณะและได้รับการชดเชยหรือเครดิตจากบริษัทไฟฟ้า.
การลดค่าไฟฟ้า: การใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลารูฟท็อปเองช่วยลดค่าไฟฟ้าที่คุณต้องจ่ายให้กับบริษัทไฟฟ้าในระยะยาว. คุณสามารถลดค่าไฟฟ้าในบิลรายเดือนหรือรายปีของคุณ.
สิ่งแวดล้อม: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลารูฟท็อปช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานไม่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ เป็นการช่วยในการประหยัดพลังงานและประโยชน์สิ่งแวดล้อม.
การรับรองและส่วนลดภาษี: ในหลายประเทศและพื้นที่ต่าง ๆ โซลารูฟท็อปสามารถมีสิทธิ์รับรองหรือส่วนลดภาษีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและใช้งาน.
การติดตั้งโซลารูฟท็อปอาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่มันเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาวเนื่องจากคุณสามารถประหยัดเงินในค่าไฟฟ้าและสนับสนุนสิ่งแวดล้อมได้พร้อมกัน. หากคุณสนใจติดตั้งโซลารูฟท็อป ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญและตรวจสอบข้อกำหนดและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของคุณเพื่อดูว่ามีการสนับสนุนหรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ที่คุณสามารถใช้ได้ในการลดค่าไฟได้มากขึ้น.
แพ็กเกจการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับ บ้านและอาคารสำนักงาน
ติดตั้งขนาด 3 กิโลวัตต์ หรือ 3000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 10-15 หน่วยต่อวัน หรือ 300-450 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 1710-2565 บาทต่อเดือน
ติดตั้งขนาด 5 กิโลวัตต์ หรือ 5000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 20-25 หน่วยต่อวัน หรือ 600-750 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 3420-4275 บาทต่อเดือน
ติดตั้งขนาด 10 กิโลวัตต์ หรือ 10000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 40-50 หน่วยต่อวัน หรือ 1200-1500 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 6840-8550 บาทต่อเดือน
ติดตั้งขนาด 12 กิโลวัตต์ หรือ 12000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 48-60 หน่วยต่อวัน หรือ 1440-1800 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 8208-10260 บาทต่อเดือน
ติดตั้งขนาด 15 กิโลวัตต์ หรือ 15000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 60-75 หน่วยต่อวัน หรือ 1800-2250 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 10260-12825 บาทต่อเดือน
ติดตั้งขนาด 20 กิโลวัตต์ หรือ 20000 วัตต์
จะช่วยผลิตไฟฟ้าได้ 80-100 หน่วยต่อวัน หรือ 2400-3000 หน่วยต่อเดือน เมื่อคำนวนค่าไฟที่ 5.7 บาท จะช่วยลดค่าไฟได้ 13680-17100 บาทต่อเดือน
โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่
โซล่าเซลล์เป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากในปัจจุบัน เซลล์แสงอาทิตย์มีความสามารถในการแปลงพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นไฟฟ้า และสามารถใช้งานได้ทั้งในโรงงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่
สำหรับโรงงานขนาดเล็ก โซล่าเซลล์สามารถใช้เป็นแหล่งจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ในโรงงาน เช่น ระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน ระบบปรับอากาศ ระบบส่งลม หรือระบบการทำความสะอาด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟฟ้าจากบริษัทไฟฟ้าพื้นฐาน โดยใช้พลังงานที่เกิดจากแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและไม่มีการปล่อยก๊าซเสียออกไปยังสภาพแวดล้อม
สำหรับโรงงานขนาดใหญ่ โซล่าเซลล์สามารถใช้เป็นระบบพลังงานหลักหรือเสริมในการขับเคลื่อนการผลิต โดยอาจใช้เซลล์แสงอาทิตย์ในการสร้างไฟฟ้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในกระบวนการผลิต
สำหรับโรงงานขนาดใหญ่ โซล่าเซลล์สามารถใช้ในหลายรูปแบบเพื่อรับประกันความต้องการพลังงานของโรงงานได้แก่
ระบบโซลาร์โทรเซลล์แบบติดตั้งบนหลังคา (Rooftop Solar PV Systems): โซล่าเซลล์จะถูกติดตั้งบนหลังคาของโรงงานเพื่อกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์และแปลงเป็นไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน ระบบนี้เหมาะสำหรับโรงงานที่มีพื้นที่หลังคาว่างเพียงพอและมีพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพียงพอในการสร้างไฟฟ้าเพียงพอตามความต้องการของโรงงาน
ระบบโซลาร์โทรเซลล์แบบกระจาย (Distributed Solar PV Systems): โซล่าเซลล์จะถูกติดตั้งบนพื้นที่ว่างภายในโรงงาน เช่น บนพื้นที่เข้าใกล้รถเข็นหรือพื้นที่เคาะแนวทางสายการผลิต เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในที่ใกล้เคียงกับกระบวนการผลิต
การติดตั้งโซล่าเซลล์สำหรับโรงงานขนาดใหญ่จะช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานเครือข่ายไฟฟ้าที่ใช้ค่าไฟสูงและมีผลต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟฟ้าจากบริษัทไฟฟ้าพื้นฐานได้อีกด้วย